ไวท๊อกเอมีน 1kg.ตราช้างแดง 24ดี ไดเมทิลแอมโมเนีย แบบเม็ด ทูโฟดี สารกำจัดหญ้า กำจัดวัชพืช แบบดูดซึม ใบกว้าง และกก กำจัดหญ้ายาง ผักบุ้ง ผักโขม ผักเบี้ยหิน เครือ สะอึก กกขนาก แห้วหมู หนวดปลาดุก
ชื่อการค้า : ไวท๊อกเอมีน (Vitoxamine) ตราช้างแดง
ชื่อสามัญ : 2,4-ดี-ไดเมทิลแอมโมเนีย (2,4-D-dimethylammonium)
เลขทะเบียนวัตถุอันตราย : 645-2562 (ทะเบียนหมดอายุ 8 ธ.ค. 2568)
กลุ่มสารเคมี : Phenoxycarboxylic acid กลุ่ม O สารกำจัดวัชพืช
สารสำคัญ : dimethylammonium (2,4-dichlorophenoxy)acetate…96% SG
คุณสมบัติและประโยชน์ :
▶ สาร 2,4-ดี ไดเมทิลแอมโมเนียม 96 % SG ชนิดเม็ดละลายน้ำ
ที่ผ่านมาเกษตรกรหลายๆ ท่านอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ สาร 2,4-ดี กันมาบ้างแล้ว ทั้งชนิดน้ำและชนิดผง ซึ่งวันนี้เคมีเกษตรช้างแดงเลยอยากมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับ 2,4-ดี ชนิดเม็ด ให้ได้รู้รายละเอียดกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรใช้เป็นข้อมูลในการใช้กำจัดวัชพืชได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
▶ สาร 2,4-ดี เป็นสารกำจัดวัชพืชที่จัดอยู่ใน กลุ่มสาร : Phenoxycarboxylic acid (กลุ่ม O) ซึ่งเป็นกลุ่มของสารที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช สาร 2,4-ดี กลุ่มนี้จะอยู่ใน #รูปเกลือ 2 ชนิด คือ
🧐1.เกลือไดเมทธิลามี (เอมีน )
🧐2.เกลือโซเดียม
ซึ่งตัว #ไวท๊อกเอมีน เป็นสาร 2,4-ดี ที่อยู่รูปของเกลือไดเมทธิลามี(เอมีน)
▶ การเคลื่อนย้ายและเข้าสู่ต้นพืชของ #ไวท๊อกเอมีน เมื่อเกษตรกรฉีดพ่น #ไวท๊อกเอมีน ลงบนวัชพืช สารจะเข้าสู่วัชพืชทางใบ แต่ถ้าสารส่วนที่สัมผัสกับดินหรือถูกฝนชะล้างจากผิวใบลงสู่ดิน สารก็สามารถเข้าสู่ต้นพืชทางรากแล้วเคลื่อนย้ายไปได้ทั่วต้นของวัชพืช
▶ กลไกในการทำลายพืชที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฮอร์โมนพืชประเภทออกซิน(Auxin) เมื่อพืชได้รับสารกลุ่มนี้เข้าไปแล้วจะมีการสะสมในบริเวณเนื้อเยื่อที่มีการเจริญเติบโตสูง(ส่วนยอด) แล้วสารจะชักนำให้มีการสังเคราะห์ RNA ในปริมาณมาก ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ โป่งพองและผิดรูป และสารยังไปกระตุ้นเซลล์ให้ลำต้นยืดขยายผิดปกติ ยับยั้งการเจริญเติบโตของพืชในระยะหน่อ รวมทั้งสร้างสารพิษสะสม
▶ อาการเป็นพิษของวัชพืชหลังได้รับสาร #ไวท๊อกเอมีน เมื่อวัชพืชได้รับ #ไวท๊อกเอมีน แล้วภายใน 4-6 ชั่วโมงหลังจากได้รับสาร ส่วนยอดอ่อนและก้านใบจะมีอาการโค้งงอและบิดเกลียว ลำต้นโดยเฉพาะตรงข้อจะบวมและยืดตัว ใบจะมีรูปร่างผิดปกติ คือมีลักษณะคล้ายรูปถ้วยส่วนปลายจะโค้งงอ เส้นใบจะมีลักษณะผิดปกติหลายๆ เส้นจะมารวมกันเป็นเส้นเดียวและมีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาจะมีอาการเหลืองที่ส่วนยอด การเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก ใบเหี่ยวและเหลือง แต่พืชจะค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ ภายในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
▶ พืชที่ #ไวท๊อกเอมีน มีประสิทธิภาพในการกำจัด ใช้หลังวัชพืชงอก (Post-emergence) จะเป็นวัชพืชประเภทใบกว้าง เช่น ตาลปัตรฤาษี เทียนนา ผักปราบ ผักบุ้ง ผักเบี้ยหิน ผักโขม หญ้ายาง วัชพืชประเภทกก เช่น กกขนาก แห้วหมู ไม้พุ่มขนาดเล็ก ในนาข้าว อ้อย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง สนามหญ้า และพื้นที่ที่ไม่ได้ทำการเกษตร
▶ สำหรับระยะเวลาในการสะลายตัวของ #ไวท๊อกเอมีน จะมีระยะการตกค้างในดินเพียง 2-4 สัปดาห์หลังจากการใช้ ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชที่สลายตัวค่อนข้างไว ส่วนข้อควรระวังในการใช้งาน #ไวท๊อกเอมีน ไม่ควรผสมในน้ำกระด้างเพราะอาจจะทำให้สารมีการละลายน้ำในน้ำที่ไม่ดีและเกิดการตกตะกอน เป็นผลทำให้ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของ #ไวท๊อกเอมีน มีประสิทธิภาพลดลง และส่วนของตะกอนจะไปติดกับตระแกรงที่อยู่ติดกับหัวฉีด และทำให้หัวฉีดอุดตัน
▶ #ไวท๊อกเอมีน สาร 2,4-ดี ไดเมทิลแอมโมเนียม 96 % SG สินค้าตัวนี้เป็นสาร 2,4-ดี ที่อยู่รูปของสูตร SG ที่เป็นเม็ดมีส่วนช่วยในการใช้งานอย่างมาก ซึ่งรูปแบบเม็ดจะใช้งานง่ายกว่าแบบเดิมที่เป็นรูปแบบผง 2,4-ดี #สูตรเม็ดไม่ฟุ้งกระจายละลายดีไม่มีตะกอน "ไวท๊อกเอมีน" จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดในการกำจัดวัชพืชให้กับเกษตรกรในยุคนี้
วิธีใช้ :
อ้อย ใช้อัตรา 150-200 กรัม ผสมน้ำ 60-80 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 ไร่ หรืออัตรา 40-50 กรัม ผสมน้ำ 15-20 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 งาน โดยพ่นขณะดินมีความชื้น
ข้าว ใช้อัตรา 150-200 กรัม ผสมน้ำ 60-80 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 ไร่ หรืออัตรา 40-50 กรัม ผสมน้ำ 15-20 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 งาน พ่นหลังปลูกข้าว 20 วัน ก่อนพ่นนสารให้ระบายน้ำออกจากแปลงนา และไขน้ำหลังพ่นสาร 2-3 วัน
ข้าวโพด ก่อนข้าวโพดงอก ใช้อัตรา 40-50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ข้าวโพดงอกแล้ว ใช้อัตรา 20-25 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ยางพารา ใช้อัตรา 200-250 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 ไร่ หรืออัตรา 50-60 กรัม ผสมน้ำ 15-20 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 งาน ระหว่างแถวยางพารา วัชพืชมีความสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร
#ไวท๊อกเอมีน #ไวท๊อกเอมีน1kg. #ตราช้างแดง #24ดีไดเมทิลแอมโมเนีย #แบบเม็ด #ทูโฟดี #สารกำจัดหญ้า #สารกำจัดวัชพืช #แบบดูดซึม #ใบกว้าง #กก